views

เป็นเวลานับ 10 ปีแล้วที่อาม่าและคนที่มีจิตใจรักสุนัขเหมือนกันแต่อาจต่างกันที่ฐานะ ช่วยกันดูแลให้อาหารสุนัขเร่ร่อนในตัวเมืองอุดรธานีและบริเวณถนนสายรอบนอกออกไป ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400-500 ตัว ที่บ้าน..อาม่าจะมีคนคอยช่วยงานเลี้ยงสุนัขอยู่ 3 คนทั้งหมดเป็นพี่น้องกันและอาศัยทำงานกับอาม่า มานับ สิบปีแล้ว โดยแต่ละคนจะมีหน้าที่ต่างกัน อย่าง อ๋อย พี่คนโต ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านและต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารของสุนัข ในวันหนึ่งๆ ต้องใช้ข้าวสาร ครึ่งกระสอบป่าน โครงไก่บด 50 กิโลรวมทั้งเลือดหมู ตับไก่ เมนูอาหารก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พร้อมด้วยเครื่องปรุงรสอย่างดี ส่วนคนที่ 2 แมว มีหน้าที่สำหรับดูแลสุนัขในบ้านและนอกบ้านโดยเฉพาะ ในบ้านก็มีอยู่ 10 ตัวซึ่งเป็นสุนัขที่ไม่สมประกอบเท่าไหร่บ้างก็พิการ บ้างเป็นขี้เรื้อนที่อาม่าเก็บมาจากข้างถนน แตกต่างกับบ้านของคนมีเงินที่นิยมเลี้ยงแต่สุนัขราคานับหมื่นไว้ประดับบารมี อวดร่ำอวดรวยกัน ทุกๆ วันตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่ม ภาพของ แมว ขี่มอเตอร์ไซด์ที่แขวนถุงอาหารพะรุงพะรัง ตระเวนไปตามถนนสายต่างๆ ที่ขึ้นชื่อว่า สัตว์ผู้ประเสริฐ ไม่ว่าฝนตก แดดออกหรือน้ำท่วม เธอก็ต้องไป ไม่มีวันหยุดสักวันเดียว และน้องชายคนสุดท้อง ปุ้ย หน้าที่คือช่วยงานหน้าร้านและรับผิดชอบในส่วนที่เป็นงานหนักๆ อย่างการผสมกับข้าว ไม่เพียงแต่เฉพาะสุนัขที่อาม่าดูแลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่มีความรู้เดียวกันแต่ฐานะไม่เอื้ออำนวย อย่างเจ๊ติ๋ม แม่ค้าในตลาดสด ที่แม้แต่ตัวเองยังแทบจะเราตัวไม่รอดแล้ว แต่ก็ไม่อาจนิ่งดูดายกับชีวิตข้างถนนเหล่านี้ได้ ทุกวันเจ๊ติ๋มจะมาเอาอาหารจากบ้านอาม่าไปแจกสุนัขที่ร้าน-ตลาดและที่โกดังเก็บของที่ลงทุนเช่าไว้ให้สุนัขโดยเฉพาะ บางครั้งรายได้ไม่พอ อาม่าจะคอยจุนเจืออยู่ เสมอ หนักๆ เข้าก็ต้องกู้เงินดอกร้อยละ 20 เจ๊ติ๋มก็ยอม ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่อาม่าต้องดูแลนี้ตกวันละ 1,000 กว่าบาท และยังมีสุนัขที่ศูนย์กักกันสัตว์จ.หนองคายอีก 300 -400 ตัวทั้งหมดนี้เป็นสุนัขที่กำลังจะถูกส่งไปขายเป็นอาหารของมนุษย์ฝั่งลาวและเวียดนาม ที่โดนตำรวจจับได้ เมื่ออาม่าทราบข่าวก็ของซื้อชีวิตไว้ รวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายตกประมาณห้าหมื่นกว่าบาทต่อเดือน แต่อาม่าไม่รู้สึกเสียดายกับเงินจำนวนนี้เลยเมื่อเทียบกับความสุขที่ได้รับจากการได้ช่วยเหลือ กลับคิดว่า “ คนที่มีเงินมาก ๆ ต้องคิดและสำนึกกันบ้างว่าเมื่อตัวเองตายไปแล้วเงินบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ จะหวงไว้ทำไม..กับสมบัติ หวงไว้ให้ลูกเหรอ..ถ้าเราไม่สร้างความดี ลูกมันก็ผลาญหมด มีเท่าไหร่ก็หมด หากว่าเราสร้างความดีไว้ บุญนั่นแหละจะช่วยให้ลูกเราอยู่ได้” ถึงแม้การทำกุศลทานโดยการเลี้ยงอาหารสุนัขเร่ร่อนจรจัดจะไม่มีโอกาสได้รับการจารึกชื่อลงบนลานโบสถ์หรือกำแพงวิหารแต่อย่างใด แต่ว่าการมีหัวใจเมตตาและรู้จักแบ่งปันจะไม่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นวีรกรรมที่ผู้คนต้องจดจำ แต่การไม่นิ่งดูดายในความเดือดร้อนของผู้ร่วมโลก และยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ห่วงความเดือดร้อนของตัวเอง นี่..ก็เรียกได้ว่าเป็นความหาญกล้าอย่างหนึ่ง มิใช่หรือ...สิ่งที่อาม่าและคนกลุ่มนี้ทำอยู่ทุกวันนี้ สามารถนำมาเป็นบทเรียนชีวิตอะไรกับคนในสังคมทุกวันนี้ได้บ้าง

คนค้นฅน REPLAY

คลิปที่ดูล่าสุด